10 สัญญาณบ่งบอกให้เลิกขับ อันตรายบนท้องถนนที่ผู้สูงอายุควรรับฟัง

ซื้อ ประกันภัย รถยนต์

หลาย ๆ บ้านคงประสบปัญหาคล้าย ๆ กัน กับปัญหาผู้สูงอายุภายในบ้านมีความดื้อ และไม่ยอมรับความเป็นจริงถึงสมรรถนะของร่างกายที่หย่อนคล้อยเสื่อมถอยไปตามอายุ ผู้สูงอายุยังเลือกทำกิจกรรมที่เหมือนสมัยหนุ่มสาว ทั้ง ๆ ที่สุขภาพร่างกาย และองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่เอื้ออำนวยเท่าที่ควรแล้ว โดยเฉพาะกิจกรรมที่มีผลต่อความปลอดภัยอย่างการขับรถ ซึ่งรถที่ผู้สูงอายุเลือกใช้ควรเป็นรถที่ไม่ใหญ่มากนัก มีความคล่องตัวในการจอดและขับขี่ รวมถึงต้องซื้อ ประกันภัย รถยนต์
ติดไว้ให้ท่านด้วยเสมออย่าให้ขาด เพราะอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดเดา ควรใช้ทุกแรงเร่งอย่างไม่ประมาท โดยวันนี้เรานำ 10 สัญญาณเตือนที่ผู้สูงอายุควรเปิดใจรับฟัง ว่าถึงเวลาวางมือเลิกเป็นคนขับ แล้วเปลี่ยนมาเป็นผู้โดยสารเสียที

1. เกิดเหตุการณ์เฉียดตายหลายครั้ง

จริงอยู่ที่อุบัติเหตุคือเหตุการณ์อันไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่ออย่างไม่อาจคาดเดา แต่หากคุณเริ่มเจอเหตุการณ์เฉียดตาย หรือเหตุการณ์ที่หวุดหวิดเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง บางทีนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนให้คุณเลิกขับรถเองเสียที

2. ขับรถเหมือนขับ Bump Car

เดี๋ยวชนนั้นนิด ขับไปจูบตรงนี้หน่อย เฉี่ยวเสาเบียดฟุตบาท การจอดรถเข้าซองไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างเคย นี่คืออีกสัญญาณเตือนเลิกขับที่ผู้สูงอายุไม่ควรมองข้าม เพราะหากยังดึงดันที่จะขับรถต่อไป รถของคุณอาจจะไม่เหลือที่ให้บุบ ถึงแม้จะซื้อ ประกันภัย รถยนต์ไว้ แต่หากเฉี่ยวชนบ่อยขนาดนี้ อาจใช้ทุนประกันหมด จนต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าซ่อมเพิ่มเอง

3. ขับรถหลงทางถี่ขึ้น

หลายคนอาจบอกว่าไม่เห็นแปลก ไม่จำเป็นต้องอายุเยอะปกติก็ขับหลงอยู่เป็นประจำ แต่หากเส้นทางที่หลงคือเส้นทางที่คุณใช้สัญจรไปมาทุกวันล่ะ อาการขับรถหลงทางคงไม่ใช่เรื่องปกติ แต่เป็นเรื่องที่ต้องเก็บเอามาคิดตรึกตรองให้ดี ก่อนที่สักวันอาจหาทางกลับบ้านไม่เจอ

4. เห็นป้ายและไฟจราจรแบบพร่ามัว

ถึงแม้จะใส่แว่นสายตาก็แล้ว ป้ายที่ควรจะต้องมองเห็นให้ชัด กลับมองเห็นพร่ามัว จนก่อให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาได้ เพราะป้ายและไฟจราจรถือเป็นสิ่งสำคัญที่คนใช้รถใช้ถนนทุกคนควรรู้จักและมองให้ชัด เพราะบางป้ายหรือไฟจราจรบางประเภทอาจมีผลต่อความปลอดภัยในการขับขี่ อย่างไฟจราจรเขียวแดงเหลือง ที่หากคุณออกตัวจากแยกในไฟที่ผิด แทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าต้องเกิดความเสียหายตามมอย่างแน่นอน

5. รับมือกับปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้

ผู้สูงอายุที่ความสามารถในการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ลดประสิทธิภาพลง อาจส่งผลต่อความสามารถในการขับขี่ด้วยเช่นกัน อาทิ หากคุณเจอสถานการณ์ให้ต้องเบรกรถกะทันหัน ปฏิกิริยาที่เกิดของผู้สูงอายุอาจไม่ทันท่วงที จนทำให้เกิดอุบัติเหตุชนท้ายรถคันหน้าได้แบบครั้งแล้วครั้งเล่า

6. ความสามารถในการตัดสินใจน้อยลง

เกิดความลังเล กล้า ๆ กลัว ๆ ไม่สามารถขับขี่ได้ชำนาญเหมือนเคย เวลาเจอสถานการณ์ที่ต้องเร่งตัดสินใจ อย่างการเปลี่ยนเลนส์ การหักเลี้ยว การขึ้นทางด่วน ด้วยความสามารถที่ลดลงแบบนี้ อาจกลายเป็นปัญหาบนท้องถนน ที่ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้ในภายหลัง

7. สร้างปัญหาบนท้องถนนจากความสามารถในการขับขี่ที่ลดน้อยลง

car crash accident on street, damaged automobiles after collision in city

ในยุคที่การขับขี่บนท้องถนนเป็นไปอย่างรวดเร็ว ขับเร็ว ตัดสินใจเร็ว การที่ผู้สูงอายุจะเข้าไปร่วมทางกับลักษณะการขับขี่แบบนี้ ย่อมทำให้เกิดปัญหาบนท้องถนนอย่างแน่นอน การขับแบบช้า ๆ ดูเงอะ ๆ งะๆ จะอยู่เลนส์ซ้ายก็ไม่ใช่ หรือจะเลนส์ขวาก็ไม่เชิง การขับรถแบบนี้อาจทำให้ถูกบีบแตร หรือตะโกนด่าทอจากผู้ร่วมใช้ถนนที่ใจร้อน จนผู้สูงอายุมีความเครียดจากความกดดัน ส่งผลต่อสุขภาพที่ไม่ดีตามมา

8. สมาธิแน่วแน่ แต่กลับตกใจได้ง่าย

ผู้สูงอายุมักมีสมาธิในการจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้เป็นเวลานาน ๆ แต่เมื่อถูกสิ่งเร้าไม่ว่าจะเป็นเสียงแตร การถูกขับรถปาดหน้า หรือมีเหตุการณ์ที่ชวนให้ตกใจ ผู้สูงอายุจะเสียสมาธิได้โดยง่าย และควบคุมการขับขี่ได้ไม่ดีนัก ความตกใจเป็นเหตุจนอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ทุกเมื่อ

9. ไม่ใช้กระจกมองข้างให้เกิดประโยชน์

สังเกตดูดี ๆ ว่าวิถีการขับขี่ของผู้สูงอายุส่วนมาก มักละเลยการใช้กระจกหูช้าง หรือกระจกมองข้างในการมองเหตุการณ์ต่าง ๆ ด้านหลังรถ แต่ผู้สูงอายุมักเลือกการมองด้วยตาตัวเองจากการหันหลังกลับไปมอง ทำให้สายตาถูกละจากการมองไปข้างหน้า ความประมาทที่เป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุหลาย ๆ ครั้ง

10. เกิดความสับสนระหว่างเบรกและคันเร่ง

ข้อสุดท้ายนี่ค่อนข้างตัดสินได้เลยทีเดียวว่าควรหยุดหรือไปต่อ เพราะสองสิ่งนี้ทั้งเบรกและคันเร่ง ถึงแม้จะถูกวางตำแหน่งไว้ใกล้กัน แต่ก็ไม่ควรเกิดความรู้สึกสับสน เพราะลองคิดดูว่าหากคุณต้องการเหยียบเบรก แต่เกิดความสับสันดันไปเหยียบคันเร่งแทน นั่นเท่ากับต้องเกิดความเสียหายตามมาอย่างแน่นอน

มาถึงตรงนี้ไม่จำเป็นต้องมีครบทั้ง 10 ข้อ หากคุณมีเพียง 1 ใน 3 ของ 10 ข้อนี้ เราขอบอกอย่างตรงไปตรงมาว่าสัญญาณเตือนให้เลิกขับรถของคุณค่อนข้างชัดเจน อย่าได้ดื้อรั้นฝืนขับให้ลูกหลานต้องเป็นกังวลอีกเลย เพราะต่อให้คุณซื้อ ประกันภัย รถยนต์ไว้ อย่างไรความคุ้มครองก็ยังไม่คุ้มพอหากต้องเกิดความสูญเสีย ประกันภัยจะใช้ได้คุ้มค่าก็ต่อเมื่อความเสียหายที่มีนั้น เกิดขึ้นแต่เพียงแค่ทรัพย์สินและปัจจัยภายนอก เลิกขับและหันมาพึ่งพาลูกหลานที่กำลังรอให้คุณเอ่ยปากให้พวกเขาได้มีโอกาสเข้ามาดูแลเสียแต่วันนี้ เพื่อความปลอดภัย และความสุขในบั้นปลายชีวิตที่หลาย ๆ คนเฝ้ารอ